การวิเคราะห์หลักฐานดิจิทัล (Digital Forensics) เป็นกระบวนการที่ใช้ในการระบุ, เก็บรักษา, วิเคราะห์ และรายงานหลักฐานดิจิทัลที่พบในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสื่อดิจิทัลต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการสืบสวนทางอาญาหรือทางแพ่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบและยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากข้อมูลดิจิทัล ซึ่งการวิเคราะห์หลักฐานดิจิทัลมีความสำคัญในการสืบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์และอาชญากรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ดิจิทัล
องค์ประกอบของการวิเคราะห์หลักฐานดิจิทัล
- ข้อมูลบันทึกการโทร (Call Detail Records – CDRs)
เป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญในการวิเคราะห์ตำแหน่งโทรศัพท์มือถือ โดย CDRs จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการโทร, ข้อความ, และการใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้น รวมถึงข้อมูลของเสาสัญญาณที่โทรศัพท์เชื่อมต่อ ข้อมูลเหล่านี้ถูกใช้ในการระบุตำแหน่งที่โทรศัพท์อาจจะเคยอยู่ โดย CDRs ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบังคับใช้กฎหมาย แต่มีไว้เพื่อการเก็บข้อมูลการเรียกเก็บเงินของลูกค้า- CDRs สำหรับการโทร/ข้อความ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการโทรและข้อความที่ส่ง รวมถึงเวลาและเสาสัญญาณที่ใช้
- CDRs สำหรับข้อมูล GPRS ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ข้อมูล เช่น เซสชันอินเทอร์เน็ต โดยสามารถนำไปใช้ในการระบุตำแหน่งที่โทรศัพท์อาจจะอยู่เมื่อมีการใช้งานอินเทอร์เน็ต
- ข้อมูลจากอุปกรณ์ (Device Data Records – DDRs)
คือข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์โดยตรง ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลการใช้งานแอป, ข้อมูล GPS, หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เก็บไว้ในอุปกรณ์ - ข้อมูลจากเสาสัญญาณ (Cell Dumps/Tower Dumps)
เป็นข้อมูลที่แสดงรายการเหตุการณ์ทั้งหมดที่ถูกส่งผ่านเสาสัญญาณหนึ่งๆ ซึ่งอาจรวมถึงเหตุการณ์ของอุปกรณ์หลายชิ้น ข้อมูลนี้มีประโยชน์ในการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายสถานที่และช่วงเวลา แต่มีความเสี่ยงที่จะละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง - ข้อมูลตำแหน่งจากเครือข่าย (Network-derived Location Data)
ข้อมูลที่ได้จากเครือข่ายเอง เช่น ข้อมูล Timing Advance (TA) หรือ Propagation Delay ซึ่งสามารถใช้ในการระบุตำแหน่งของโทรศัพท์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น - ข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ
ข้อมูลจากแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น ข้อมูลจาก WhatsApp, ข้อมูลจากผู้ให้บริการแท็กซี่, หรือข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ - การสำรวจคลื่นความถี่วิทยุทางนิติวิทยาศาสตร์ (Forensic Radio Surveys)
เป็นการสำรวจเพื่อวัดและบันทึกรายละเอียดของเซลล์ที่สามารถตรวจพบได้ในพื้นที่นั้นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จาก CDRs และเพื่อระบุเซลล์ที่โทรศัพท์อาจจะเลือกใช้ ซึ่งการสำรวจนี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การสำรวจแบบจุด (Spot Survey), การสำรวจแบบครอบคลุมพื้นที่ (Cell Coverage Survey), หรือการสำรวจตามเส้นทาง (Route Profile Survey)- ประเภทของการสำรวจคลื่นความถี่วิทยุ
- Spot/Location Surveys ทำเพื่อเก็บข้อมูลของเซลล์ที่ให้บริการในตำแหน่งที่กำหนด
- Local Coverage Surveys สำรวจเพื่อประเมินพื้นที่ครอบคลุมของเซลล์ในบริเวณใกล้เคียง
- Static Spot Surveys สำรวจในตำแหน่งเดียวเพื่อวิเคราะห์เซลล์ที่สามารถตรวจพบได้ในตำแหน่งนั้น
- Indoor Surveys สำรวจเพื่อตรวจสอบการครอบคลุมของสัญญาณภายในอาคาร
- All-Network Profiles สำรวจทุกเครือข่ายและเทคโนโลยีในตำแหน่งที่กำหนด เพื่อเก็บภาพรวมของการครอบคลุมสัญญาณ
- Cell Coverage Surveys สำรวจเพื่อระบุพื้นที่ที่เซลล์ให้บริการ
- Route Profile Surveys สำรวจเพื่อเก็บข้อมูลเซลล์ตามเส้นทางที่กำหนด
- Idle Mode Surveys สำรวจในขณะที่อุปกรณ์อยู่ในสถานะ Idle Mode
- Connected Mode Surveys สำรวจในขณะที่อุปกรณ์มีการเชื่อมต่อกับเครือข่าย
- ประเภทของการสำรวจคลื่นความถี่วิทยุ
- การวิเคราะห์ข้อมูล
ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจคลื่นความถี่วิทยุและ CDRs จะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อระบุตำแหน่งที่โทรศัพท์อาจจะเคยอยู่หรือกำลังอยู่ โดยใช้เครื่องมือและซอฟต์แวร์เฉพาะทาง รวมถึงการเปรียบเทียบข้อมูลที่ได้กับข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง - การจัดทำรายงาน
ผลการวิเคราะห์จะถูกนำมาสรุปและจัดทำเป็นรายงานที่สามารถนำไปใช้ในกระบวนการยุติธรรมได้ โดยรายงานอาจจะประกอบด้วยข้อมูลการวิเคราะห์, แผนที่แสดงตำแหน่ง, และคำอธิบายเกี่ยวกับผลการวิเคราะห์
ข้อจำกัดของการวิเคราะห์หลักฐานดิจิทัล

- ความไม่แน่นอนของข้อมูล
ข้อมูลจาก CDRs และข้อมูลตำแหน่งจากเครือข่ายอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป และอาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ - การเปลี่ยนแปลงของเครือข่าย
เครือข่ายโทรศัพท์มือถือมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอยู่เสมอ ซึ่งอาจส่งผลต่อความถูกต้องของการวิเคราะห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการสำรวจคลื่นความถี่วิทยุไม่ได้ทำในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาที่เกิดเหตุ - การระบุตัวบุคคล
ข้อมูลจาก CDRs และการสำรวจคลื่นความถี่วิทยุสามารถระบุตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นผู้ถือโทรศัพท์ในเวลานั้น - การหลีกเลี่ยง
ผู้กระทำผิดอาจใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ เช่น การใช้โทรศัพท์ที่ไม่ลงทะเบียน, การใช้แอปพลิเคชันที่ไม่มีการบันทึกข้อมูล, หรือการใช้เครื่องรบกวนสัญญาณ - ข้อจำกัดทางกฎหมาย
การเข้าถึงและใช้ข้อมูลดิจิทัลต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
แนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด
- การสำรวจคลื่นความถี่วิทยุ
ควรทำการสำรวจคลื่นความถี่วิทยุให้เร็วที่สุดหลังจากเกิดเหตุ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมจริงมากที่สุด - การเก็บรักษาข้อมูล
ควรเก็บรักษาข้อมูลดิจิทัลทั้งหมดในรูปแบบเดิม เพื่อให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ในภายหลัง - การวิเคราะห์อย่างรอบด้าน
ควรวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งและพิจารณาข้อจำกัดต่างๆ อย่างรอบคอบ - การใช้ผู้เชี่ยวชาญ
ควรใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ในการวิเคราะห์หลักฐานดิจิทัล
การวิเคราะห์หลักฐานดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสืบสวนและดำเนินคดีอาชญากรรม แต่ต้องใช้ความระมัดระวังและรอบคอบในการดำเนินการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ


Leave a comment