Prompt Engineering คือกระบวนการสร้างและปรับแต่งคำสั่ง (prompt) ที่เฉพาะเจาะจงและละเอียด เพื่อให้ได้การตอบสนองที่ต้องการจากโมเดล AI เชิงสร้างสรรค์. กระบวนการนี้มักถูกเปรียบกับการ “เขียนโค้ดด้วยภาษาอังกฤษ” ซึ่งบ่งชี้ถึงความซับซ้อนและความละเอียดอ่อนที่จำเป็นในการสื่อสารกับปัญญาประดิษฐ์ การทำความเข้าใจและเชี่ยวชาญในทักษะนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดึงศักยภาพสูงสุดจาก AI ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
“Design prompts that work”
สรุปเป็นขั้นตอน 5 ขั้นตอนดังนี้ครับ
1. Task (ภารกิจ)

ขั้นตอนนี้คือการกำหนด ภารกิจหลัก ที่คุณต้องการให้ AI ทำอย่างชัดเจนที่สุด คุณต้องบอก AI ว่าคุณต้องการอะไร และต้องการให้มันแสดงออกมาในรูปแบบไหน
- อธิบายอย่างชัดเจน: ระบุว่าคุณต้องการให้เครื่องมือ AI สร้างอะไร
- กำหนด Persona: ให้ AI สวมบทบาทเป็นใคร เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด, นักเขียนเชิงสร้างสรรค์, หรือที่ปรึกษาด้านการเงิน การกำหนดบุคลิกนี้จะช่วยให้ AI สร้างคำตอบที่เหมาะสมกับบริบทมากขึ้น
- ระบุ Format: บอกรูปแบบของผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น บทความ, อีเมล, รายชื่อ, ตาราง หรือแม้กระทั่งบทกวี
ตัวอย่าง: “เขียนอีเมลในฐานะผู้จัดการฝ่ายการตลาด เพื่อแจ้งลูกค้าถึงโปรโมชันใหม่ โดยใช้ภาษาที่กระชับและเป็นกันเอง”
2. Context (บริบท)

บริบทคือข้อมูลเพิ่มเติมที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อให้ AI เข้าใจและทำงานได้อย่างถูกต้องและตรงตามความต้องการของคุณ
- ให้รายละเอียดที่จำเป็น: ระบุข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น กลุ่มเป้าหมาย, จุดประสงค์, ข้อมูลพื้นฐานของเรื่องที่ต้องการ, หรือข้อจำกัดต่างๆ
- สร้างความเข้าใจ: ช่วยให้ AI เข้าใจว่าคุณต้องการให้มันทำอะไรในเชิงลึกมากขึ้น
ตัวอย่าง: “โปรโมชันใหม่นี้สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าเกิน 1,000 บาท ภายในสิ้นเดือนนี้เท่านั้น” (ข้อมูลนี้จะช่วยให้ AI ไม่ส่งอีเมลหาลูกค้าที่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย)
3. References (ข้อมูลอ้างอิง)

หากคุณมีตัวอย่างหรือข้อมูลอ้างอิงที่ต้องการให้ AI นำมาใช้ประกอบการสร้างผลงาน ให้ระบุในขั้นตอนนี้
- ให้ตัวอย่าง: มอบตัวอย่างรูปแบบประโยค, สไตล์การเขียน, หรือโครงสร้างที่คุณชื่นชอบ
- ช่วย AI ในการเรียนรู้: การให้ข้อมูลอ้างอิงจะช่วยให้ AI สามารถสร้างผลลัพธ์ที่มีสไตล์หรือโทนเสียงที่ใกล้เคียงกับที่คุณต้องการได้
ตัวอย่าง: “ให้ใช้ภาษาที่มีลักษณะคล้ายกับตัวอย่างบทความนี้: [แนบลิงก์หรือข้อความตัวอย่าง]”
4. Evaluate (ประเมินผล)

หลังจากที่ AI สร้างผลลัพธ์ออกมาแล้ว คุณต้องทำการประเมินว่าผลลัพธ์นั้นมีประโยชน์และตรงตามความต้องการของคุณหรือไม่
- ประเมินผลลัพธ์: ตรวจสอบความถูกต้อง, ความครบถ้วน, และคุณภาพของผลลัพธ์ที่ได้จาก AI
- ตัดสินว่ามีประโยชน์หรือไม่: พิจารณาว่าผลลัพธ์ที่ได้สามารถนำไปใช้งานได้จริงตามวัตถุประสงค์ของคุณหรือไม่
ตัวอย่าง: “ผลลัพธ์ที่ได้ตรงตามที่ต้องการหรือไม่? ภาษาที่ใช้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายหรือยัง?”
5. Iterate (ปรับปรุง)
หากผลลัพธ์ที่ได้จากการประเมินยังไม่เป็นที่พอใจ คุณต้องกลับไปแก้ไข Prompt และให้ AI ลองสร้างผลลัพธ์ใหม่อีกครั้ง

- ปรับแต่ง Prompt: ระบุส่วนที่ต้องการแก้ไขหรือทำให้ชัดเจนขึ้นใน Prompt เดิมของคุณ
- ทำซ้ำจนกว่าจะพอใจ: ทำตามวงจรนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ตัวอย่าง: “ช่วยแก้ไขส่วนท้ายของอีเมลให้สั้นลงและเพิ่มปุ่ม Call to Action ที่ชัดเจนขึ้น”
ตารางกรอบแนวคิด TCREI

โดยสรุปแล้ว หลักการที่ใช้ในการจดจำ 5 ขั้นตอนข้างต้นคือ Thoughtfully Create Really Excellent Inputs หรือ TCREI ซึ่งย่อมาจาก Task, Context, References, Evaluate, และ Iterate นั่นเองครับ
ตัวอย่าง TCREI
👉การสืบสวนธุรกรรมคริปโต
Task: ทำหน้าที่เป็นนักสืบสอบสวนด้านอาชญากรรมไซเบอร์ สร้างขั้นตอนติดตามธุรกรรม Bitcoin ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีต้องสงสัย พร้อมวิเคราะห์ความเสี่ยงทางกฎหมาย
Context: คดีเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินผ่านตลาดมืด ใช้ข้อมูลจาก Blockchain Explorer (เช่น Blockchair, Mempool.space) ต้องจัดทำรายงานให้พนักงานสอบสวนเข้าใจได้ใน 15 นาที
References: แนบตัวอย่างรายงานการติดตามธุรกรรมจากคดีเก่า พร้อมรูปแบบตารางที่ใช้สรุป (Transaction ID, Time, Amount, Link)
Evaluate: ตรวจความครบถ้วนของการระบุเส้นทางการโอน (อย่างน้อย 3 hop), ความถูกต้องของเวลา/จำนวน, การอ้างอิงแหล่งข้อมูล
Iterate: หากไม่ครบข้อมูล ให้ถามกลับเฉพาะจุดที่ขาด เช่น รายละเอียดวอลเล็ตหรือช่วงเวลาของธุรกรรม
👉การวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรมพื้นที่
Task: ทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์ข้อมูล สร้าง Heatmap การเกิดคดีลักทรัพย์ในเขตเมืองจากข้อมูลตำรวจ
Context: ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน มีพิกัด GPS ของจุดเกิดเหตุ ต้องเน้นช่วงเวลาที่คดีเพิ่มสูงผิดปกติ เพื่อใช้วางกำลังสายตรวจ
References: แนบตัวอย่าง Heatmap และตารางสรุปที่เคยใช้ในโครงการวิเคราะห์คดีชิงทรัพย์
Evaluate: ตรวจว่าผลลัพธ์มีการไฮไลต์ช่วงเวลาความเสี่ยงสูง และใช้สเกลสีที่เข้าใจง่าย
Iterate: หากยังไม่ชัดเจน ให้ปรับการแสดงผลเป็น Time-series + Heatmap ควบคู่กัน
😊 คิดว่าน่าจะมีประโยชน์นะครับ ของดีจาก Google : พัฒนาโดยผู้เชียวชาญด้าน AI ของ Google ผ่านหลักสูตร “Prompting Essentials”


Leave a comment